iPhone 7 เปิดตัวแล้วมีหลายจุดที่เปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับ 6s และ 6s Plus อาทิเช่น ปุ่ม Home ที่รองรับแรงกดได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น กล้องถ่ายรูปมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซีพียูตัวใหม่ที่แรงขึ้นกว่าเดิม แบตเตอรี่ปรับปรุงให้ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น และสุดท้ายที่หลายๆ คนคงเสียดายกับการที่ Apple ได้ตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ทิ้งไป

ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5mm

Apple ได้ทำการตัดช่องเสียบหูเสียบหูฟังแบบ 3.5mm ออกไปแล้วแทนที่ด้วยหูฟังที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ต Lightning แทน ซึ่งเป็นช่องเดียวกับช่องชาร์จไฟ แต่จะมีสายแปลงพอร์ต Lightning ให้เป็น 3.5mm มาให้เพื่อให้สามารถใช้หูฟังตัวอื่นได้

หูฟังไร้สาย AirPods

ปัญหาอย่างหนึ่งของการตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5mm ไปก็คือเราจะไม่สามารถชาร์จไฟ และเสียบหูฟังพร้อมกันได้เพราะมันใช้พอร์ต Lightning ช่องเดียวกัน Apple จึงได้หาทางออกให้กับเหล่าสาวกด้วยหูฟังไร้สาย AirPods ที่ใช้ชิปประมวลผล W1 มีเซ็นเซอร์อินฟาเรดตรวจจับว่าหูฟังได้เสียบไว้ที่หูหรือยัง และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวเพื่อสั่งให้ siri รับคำสั่งเสียง

AirPods จะบรรจุอยู่ในกล่องขนาดกระทัดรัดที่สามารถใช้ชาร์จไฟให้กับ AirPods ได้ในตัว สามารถใช้งานได้ 5 ชั่งโมง และสแตนบายได้นาน 24 ชั่วโมง

ระบบเสียงสเตอริโอ

iPhone 7 จะมาพร้อมกับลำโพงแบบสเตอริโอซึ่งจะมีลำโพงอยู่ด้านบนและด้านล่างของเครื่องซึ่งจะทำให้เสียงดังมากกว่าเดิมถึง 2  เท่าเมื่อเทียบกับ iPhone 6s

เพื่มประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูป

กล้องหลักนั้นได้มีการปรับปรุงใหม่เพื่อให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และทำให้ได้ภาพที่คมชัดขึ้น กล้องของ iPhone 7 จะมีรูรับแสงที่กว้างถึง f/1.8 ทำให้รับแสงได้มากขึ้นถึง 50% ใช้เซ็นเซอร์ใหม่ความละเอียด 12MP ทำให้การทำงานเร็วขึ้น 60% และประหยัดพลังงานขึ้น 30%

ส่วน iPhone 7 Plus จะมาพร้อมกับกล้องระบบเลนส์คู่ซึ่งทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงกว่าเดิมมาก ติดตั้งกล้องความละเอียด 12MP 2ตัว ตัวหนึ่งจะเป็นเลนส์มุมกว้าง ส่วนอีกตัวจะเป็นเลนส์ซูมซึ่งสามารถซูม(optical zoom)ได้ 2 เท่าโดยไม่ใช้ซอฟต์แวร์ในการขยายภาพ และถ้าให้ซอฟต์แวร์ช่วยจะสามารถซูม(digital zoom)ได้ถึง 10 เท่า

กล้องถ่ายรูปของทั้งสองรุ่นนั้นสามารถได้วีดีโอได้ละเอียดถึง 4K รวมทั้งแฟลชกล้องแบบใหม่เพื่อปรับปรุงคุณภาพของภาพถ่ายเมื่อถ่ายในที่แสงน้อย Apple ได้เพิ่มจำนวนแฟลชเป็นสองเท่าเป็นทั้งหมดสี่ดวงด้วยกัน โดยแบ่งเป็นสีโทนเย็นและโทนอุ่น อย่างละสองดวง และกล้องหน้าได้รับการอัพเกรดจากความละเอียด 5MP เป็น 7MP

มีสีใหม่

iPhone 7 จะมีสีใหม่สองสีคือคือ  ดำ(jet black) ดำเงา(grossy black) และสีเดิมอีกสามสี คือ เทา ทอง และทองชมพู(rose gold) รวมทั้งหมดจะมีห้าสี

รูปลักษณ์ภายนอก

รูปร่างโดยรวมส่วนใหญ่จะคล้ายกับรุ่น 6s และ 6s Plus แต่จะตัดเส้นเสาอากาศรอบตัวเครื่องที่อยู่ด้านหลังออกไป

แบตเตอรี่

สำหรับรุ่นใหม่นี้โดยเฉลี่ยแล้วแบตเตอรรี่จะอยู่ได้นานขึ้นอีกประมาณ 2 ชั่วโมงเมื่อเทียบกับรุ่น iPhone 6s และมากกว่า iPhone 6s Plus 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ของ iPhone 7 จะสามารถใช้งาน WiFi ได้ 14 ชั่วโมง และ 12 ชั่วโมงสำหรับการใช้งาน 4G ส่วน iPhone 7 Plus จะสามารถใช้งานได้ 15 ชั่วโมงทั้ง WiFi และ 4G

ประสิทธิภาพ

รุ่นนี้ใช้ซีพียูตัวใหม่คือ A10 Fusion ซึ่งมี 4 core 64-bit ซึ่งเร็วกว่า ตัว A9 ที่อยู่ใน iPhone 6s ถึง 40%

iPhone 7 กันน้ำได้แล้ว

iPhone 7 จะสามารถกันน้ำได้ถึงระดับ IPX67 ประสิทธิภาพในการกันน้ำได้ 30 นาทีที่ความลึก 1 เมตร

ราคา

iPhone 7 ราคาเริ่มต้นที่ $649 (ประมาณ 23,000 บาท)

iPhone 7 Plus ราคาเริ่มต้น $769 (ประมาณ 27,000 บาท)

วันวางจำหน่าย

เริ่มวางขายวันที่ 16 กันยายนนี้ ในประเทศกลุ่มแรก (ยังไม่มีประเทศไทย)